วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประเภทของจอภาพ

จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube)


เป็นจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีหลักการทำงานแบบเดียวกับจอโทรทัศน์ ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูง (high voltage) คอยกระตุ้นให้อิเล็กตรอนภายในหลอดภาพแตกตัวอิเล็กตรอนดังกล่าวจะทำให้เกิดลำแสงอิเล็กตรอนไปกระตุ้นผลึกฟอสฟอรัสที่ฉาบอยู่บนหลอดภาพ เมื่อฟอสฟอรัสถูกกระตุ้นจากอิเล็กตรอนจะเกิดการเรืองแสงและปรากฏเป็นจุดสีต่างๆ (RGB Color) ซึ่งรวมเป็นภาพบนจอภาพนั่นเอง


จอภาพแบบแบน LCD (Liquid Crystal Display) จอภาพผลึกเหลวใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาเป็นส่วนใหญ่ มีสองประเภท ได้แก่


Active matrix
จอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT – Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ราคาของจอประเภทนี้สูงด้วย
Passive matrix
จอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ นอกจากมองจากมุมตรง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า DSTN (Double Super Twisted Nematic)


จอ LCD

เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มพัฒนาประมาณสิบกว่าปีนี้เอง เริ่มจากการพัฒนามาใช้กับนาฬิกาและเครื่องคิดเลข เป็นจอแสดงผลตัวเลขขนาดเล็ก ใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลว เพื่อปิดกั้นแสงเมื่อมีสนามไฟฟ้าเหนี่ยวนำ LCD จึงใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ มีการสร้างทรานซิสเตอร์เป็นล้านตัวเพื่อควบคุมจุดสีบนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ให้จุดสีเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ การแสดงผลจึงเป็นการแสดงจุดสีเล็ก ๆ ที่ผสมกันเป็นสีต่าง ๆ ได้มากมาย การวางตัวของจุดสีดำเล็ก ๆ เรียกว่าแมทริกซ์ (matrix) จอภาพ LCD จึงเป็นจอแสดงผลแบบตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีจุดสีจำนวนมาก


จอภาพระบบสัมผัส (Touch-Screen)

เป็นจอภาพที่มีประสาทสัมผัส เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยการสัมผัส เป็นจอภาพแบบพิเศษ สามารถรับรู้ทันทีเมื่อมีการสัมผัสกับจอภาพ ใช้งานได้ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์เลย ผู้ใช้เพียงแตะปลายนิ้วลง


ทีมา
http://cc.swu.ac.th/ccnews/content/e1624/e1625/e2390/e2403/index_th.html

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551


การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติมาใช้ในสำนักงาน

เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ ของสำนักงานอัตโนมัติแล้วเชื่อว่า ทุกคน อยากใช้แน่นอน เพราะเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้ ดีขึ้นอย่างมาก และเพิ่มความสะดวกสบายได้การจัดการด้านเอกสาร อื่นๆอีก แต่ก็ต้องมาวิเคราะห์กันอีกว่า คุ้มค่ากับการลงทุนหรือหรือไม่ การตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นผู้จัดการระบบดังนั้นก่อน จะสร้างระบบสำนักงานอัตโนมัติคงต้องเป็นหน้าที่ของบุคคลดังต่อไปนี้

1. ผู้ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทที่จำหน่าย ผลิตภัณฑ์สำนักงานอัตโนมัติ มักจะใช้บริการด้านการใชห้คำปรึกษาหรือเป็นผู้จัดตั้งระบบโดยไม่คิดค่าตอบแทน การพิจารณา จากผู้ขาย ควรเรียก จากหลายๆบริษัทมา เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบถึงข้อแตกต่าง ของแต่ละที่ แล้วตัดสินใจเลือก ที่ๆ ดีที่สุดคุ้มค่ามากที่สุด

2. ทีมงานเฉพาะกิจของบริษัท บริษัทที่ต้องการมีสำนักงานอัตโนมัติ อาจจัดตั้งทีมงานขึ้นมาเองเพื่อทำการวิจัยด้านนี้โดยเฉพาะและควรมีพนักงานที่มีความชำนาญด้านการจัดการข้อมูล เข้ามาร่วมด้วยเพราะมีความคุ้นเคยกับระบบจัดการ

3. ที่ปรึกษา บางบริษัทไม่มีพนักงานที่มีความชำนาญเพียงพอที่จะตั้งทีมงานขึ้นมาเองได้ก็จะต้องอาศัยที่ปรึกษาภายนอกบริษัท ซึ่งควรเป็นบุคคลหรือกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้านสำนักงานอัตโนมัติเป็นพิเศษ

4. ทีมงานเฉพาะกิจร่วมกับที่ปรึกษา เป็นการจับมือกันระหว่างบุคคลภายนอกและ ภายใน เพราะทีมงานในบริษัทย่อมรู้ซึ้งและให้ข้อมูลของบริษัทในขณะที่ที่ปรึกษา


ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนการเปลี่ยนแปลงระบบสำนักงานมีดังนี้

1.การจัดการด้านเอกสารภายในพิจารณาถึงข้อมูลในด้านต่างๆ เช่น ปริมาณงานที่พิมพ์มีมากน้อยเพียงใด และความยาวของเนื้อหา เวลาที่ใช้ในการพิมพ์เอกสาร เวลาที่ต้องการให้เอกสารเสร็จ ปริมาณเอกสารมีมากน้อยเพียงใด และ เอกสารที่ต้องทำสำเนามีมากหรือไม่ ปริมาณเอกสารที่ผิดพลาด และจะต้องถูกแก้ไข ระบบคุณภาพและความสวยงามของเอกสารที่พิมพ์

2.การวิเคราะห์ระบบสำนักงานทั้งระบบ เป็นการดูระบบสำนักงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันว่าเหมาะดีหรือยัง หรือควรจะแก้ไขจุดใด เพื่อให้ระบบการทำงานคล่องตัว




ระบบสำนักงานอัตโนมัติปัจจุบันสำนักงานจำนวนมากได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อให้งานบังเกิดผลในด้านบวก อาทิ ความสะดวกรวดเร็ว ความถูกต้อง และสามารถทำสำเนาได้เป็นจำนวนมาก เป็นต้น อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ เทเลเท็กซ์ เครื่องเขียนตามคำบอกอัตโนมัติ (Dictating Machines) เครื่องอ่านและบันทึกวัสดุย่อส่วน เครื่องถ่ายเอกสารแบบหน่วยความจำ เครื่องโทรสาร ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ นำไปประยุกต์ใช้กับ งานสำนักงาน ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในระบบสำนักงาน จึงเรียกว่า ระบบสำนักงานอัตโนมัติ ซึ่งเทคโนโลยีดังที่กล่าวมานำไปประยุกต์ใช้กับงานสำนักงานได้ในหลายลักษณะ เช่น งานจัดเตรียมเอกสาร งานกระจายเอกสาร งานจัดเก็บและค้นคืนเอกสาร งานจัดเตรียมสารสนเทศในลักษณะภาพ งานสื่อสารสนเทศด้วยเสียง งานสื่อสารสารสนเทศด้วยภาพและเสียง เป็นต้น
ที่มาhttp://surasit208.blogspot.com/2008/07/blog-post_08.html

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ความหมายและประโยชน์ของสำนักงานอัตดนมัติ

ความหมายของสำนักงานอัตโนมัติ (Automated office)
คืออะไร เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารอย่างไร ทำไมจึงต้องให้ความสนใจกับระบบสำนักงานอัตโนมัติ สำนักงานนี้จะไม่ใช้กระดาษเลยเป็นจริงได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้มักจะได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอในสำนักงานแห่งหนึ่ง ผู้จัดการฝ่ายขายต้องการรู้ข้อมูลการขายสินค้าแต่ละชนิดว่ามีแนวโน้มอย่างไรเพื่อวางแผนการขาย แผนกขายจะมีรายละเอียดความต้องการสินค้าของลูกค้า ยุทธวิธีการขาย และให้ข้อมูลการขายนี้ แก่ฝ่ายการผลิตเพื่อเตรียมการผลิตสินค้า พร้อมทั้งส่งต่อให้กับพนักงานขายแต่ละคน เพื่อศึกษา จากตัวอย่างนี้ จะเห็นว่า ผู้จัดการฝ่ายขายเกี่ยวข้องกับข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร ซึ่งถ้ามีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยประมวลผลและสื่อสารข้อมูลก็จะทำอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร ์และระบบสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจและเป็นสิ่งที่ทำให้สำนักงานเปลี่ยนเป็นสำนักงานอัตโนมัติมากขึ้นและเมื่อมีการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในแผนก และ หน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งมีการต่อเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์การในการดำเนินงานของแผนกและหน่วยงานขององค์การจะมีการแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลกันอยู่ตลอดเวลา เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงมีความสำคัญมากขึ้นในการดำเนินงานขององค์กร
ประโยชน์ของสำนักงานอัตโนมัติ
ระบบการทำงานในสำนักงานต่าง ๆ ที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือที่ใช้ในสำนักงานนั้นมักจะมีข้อจำกัดในการทำงานแทบทั้งสิ้น ในระบบสำนักงานอัตโนมัตินี้ก็เช่นกัน ก็มีข้อดีและ ข้อจำกัดการทำงานเช่นกัน ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้ข้อดี
1. สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการทำงานแบบเดิมที่ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้
2. ผู้จัดการสามารถตรวจสอบการทำงานของแผนกต่าง ๆ ได้โดยตรง
3. ทุกแผนกสามารถติดต่อกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้สะดวก
4. สามารถใช้อุปกรณ์สำนักงานร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
5. เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
ข้อจำกัดการทำงาน
1. ต้องใช้งบประมาณมากในตอนแรก แต่จะประหยัดในอนาคต
2. ต้องใช้บุคลากรที่สามารถใช้งานเตรื่องคอมพิวเตอร์ หรือต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์
3. ไม่สามารถใช้ระบบสำนักงานอัตโนมัตินี้ได้ ถ้าอยู่ในที่ชนบทไม่มีไฟ้าใช้
แหล่งที่มาhttp://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/pichai_l/it01/it_type_oas.htm