วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552

ขั้นที่ 1 การกำหนดสิ่งที่องค์การจำเป็นต้องทำ
ควรตั้งต้นจากเหตุผลของการก่อตั้งองค์การธุรกิจว่า ผู้ประกอบการต้องการให้ธุรกิจนั้นเกิดขึ้นเพื่ออะไร ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่องค์การจำเป็นต้องทำได้อย่างถูกต้อง สามารถแบ่งประเภทของธุรกิจตามการดำเนินงานได้เป็น 3 ประเภท คือ
1.ธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ
2.ธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่าย สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ การสรรหาสินค้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม
3.ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการ สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านการบริการต่างๆ จนเกิดความพึงพอใจมากที่สุด
ในขั้นที่ 1 นี้ผู้ที่จะทำรีเอ็นจิเนียริ่งต้องทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ดังนี้
การทำรีเอ็นจิเนียริ่งที่จะให้เกิดผลสำเร็จจำเป็นต้องเน้นความเข้าใจ และความชัดเจนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานทราบสถานการณ์โดยทั่วไปของธุรกิจ นอกจากนั้นผู้บริหารจะต้องสร้างความร่วมมมือโดยชักชวนพนักงานให้เกิดความเห็นชอบร่วมกันในการทำรีเอ็นจิเนียริ่ง เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นโดยมีวิธีการดังนี้
1.เรื่องที่ต้องนำมาดำเนินการ หมายถึง สถานการณ์ของธุรกิจและความเปลี่ยนแปลงที่ธุรกิจยอมรับ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้
1.1 เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจปัจจุบัน
1.2 ปัญหาของธุรกิจที่เผชิญอยู่
1.3 ภาวะความต้องการของตลาด
1.4 การวินิจฉัยปัญหา
1.5 ต้นทุนของการไม่ปฏิบัติงาน
2.รายละเอียดของวิสัยทัศน์ หมายถึง สิ่งที่ธุรกิจต้องการจะเป็น ซึ่งจะเป็นเป้าหมายในด้านต่างๆ ดังนี้
2.1 ศิลปกรรม
2.2 ปฏิบัติตามสัญญาณ
2.3 จัดเตรียมหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐาน
สำหรับเป้าหมายของธุรกิจที่กำหนดขึ้นมามีลักษณะดังนี้
1. เน้นการปฏิบัติงาน
2. มีวัตถุประสงค์แน่นอนที่วัดได้
3. มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพการแข่งขันในธุรกิจอย่างมหาศาล
วิธีการหาความต้องการของลูค้าและสร้างวัฒนธรรมองค์การมีดังนี้
1.การจัดการตลาด มีการสร้างศูนย์รวมข้อมูลลูกค้า
2.การจัดการลูกค้า มีการสร้างศูนย์ให้บริการลูกค้า
3.วัฒนธรรมด้านความคิด การสร้างวัฒนธรรมด้านความคิดให้แก่พนักงานได้มาจากการรวบรวมข้อมูลด้านทัศนคติของพนักงาน
4.การจัดการทรัพยกรมนุษย์ มีการสร้างระบบการบริหารและพัฒนาพนักงานที่ดี มีความยุติธรรมในการแต่งตั้ง โดยยึดหลักการ เช่น
4.1 ระบบการเลื่อนตำแหน่งและการให้รางวัลตอบแทนสำหรับแต่ละบุคคล
4.2 ระบบการให้รางวัลสำหรับทีมงาน

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วังน้ำเขียว

อำเภอวังน้ำเขียว

สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช เป็นศูนย์วิจัยพันธุ์ไม้ในเขตป่าภาคอีสานและเปิดให้หมู่คณะที่สนใจมาจัดกิจกรรมทัศนศึกษาเชิงนิเวศสภาพพื้นที่เป็นป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง พบสัตว์ป่าหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นหมูป่า ไก่ป่า ไก่ฟ้าพระยาลอและนกต่าง ๆ หากได้มีโอกาสปีนขึ้นไปบนยอดหอคอยสูงเหนือระดับยอดไม้ที่ทางสถานีสร้างขึ้น จะมองเห็นผืนป่าเขียวขจีอันกว้างใหญ่รายล้อมอยู่รอบๆตัว



น้ำตกห้วยใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลาน ในท้องที่อำเภอวังน้ำเขียวมีธารน้ำตกขนาดเล็ก ไหลผ่านก้อนหินใหญ่สองก้อน น้ำตกจะมีเฉพาะช่วงฤดูฝน (ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน)

โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ (เขาแผงม้า) อยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดนครราชสีมา

แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สวนสตรอเบอร์รี่บ้านปฏิรูป

ซุ้มไม้งาม

สวนผลไม้ปลอดสารพิษบ้านศาลเจ้าพ่อ

ผักสลัดเมืองหนาวปลอดสารพิษบ้านสุขสมบูรณ์

สวนหน้าวัวคุณสุชาดา

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประเภทของจอภาพ

จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube)


เป็นจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีหลักการทำงานแบบเดียวกับจอโทรทัศน์ ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูง (high voltage) คอยกระตุ้นให้อิเล็กตรอนภายในหลอดภาพแตกตัวอิเล็กตรอนดังกล่าวจะทำให้เกิดลำแสงอิเล็กตรอนไปกระตุ้นผลึกฟอสฟอรัสที่ฉาบอยู่บนหลอดภาพ เมื่อฟอสฟอรัสถูกกระตุ้นจากอิเล็กตรอนจะเกิดการเรืองแสงและปรากฏเป็นจุดสีต่างๆ (RGB Color) ซึ่งรวมเป็นภาพบนจอภาพนั่นเอง


จอภาพแบบแบน LCD (Liquid Crystal Display) จอภาพผลึกเหลวใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาเป็นส่วนใหญ่ มีสองประเภท ได้แก่


Active matrix
จอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT – Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ราคาของจอประเภทนี้สูงด้วย
Passive matrix
จอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ นอกจากมองจากมุมตรง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า DSTN (Double Super Twisted Nematic)


จอ LCD

เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มพัฒนาประมาณสิบกว่าปีนี้เอง เริ่มจากการพัฒนามาใช้กับนาฬิกาและเครื่องคิดเลข เป็นจอแสดงผลตัวเลขขนาดเล็ก ใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลว เพื่อปิดกั้นแสงเมื่อมีสนามไฟฟ้าเหนี่ยวนำ LCD จึงใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ มีการสร้างทรานซิสเตอร์เป็นล้านตัวเพื่อควบคุมจุดสีบนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ให้จุดสีเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ การแสดงผลจึงเป็นการแสดงจุดสีเล็ก ๆ ที่ผสมกันเป็นสีต่าง ๆ ได้มากมาย การวางตัวของจุดสีดำเล็ก ๆ เรียกว่าแมทริกซ์ (matrix) จอภาพ LCD จึงเป็นจอแสดงผลแบบตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีจุดสีจำนวนมาก


จอภาพระบบสัมผัส (Touch-Screen)

เป็นจอภาพที่มีประสาทสัมผัส เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยการสัมผัส เป็นจอภาพแบบพิเศษ สามารถรับรู้ทันทีเมื่อมีการสัมผัสกับจอภาพ ใช้งานได้ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์เลย ผู้ใช้เพียงแตะปลายนิ้วลง


ทีมา
http://cc.swu.ac.th/ccnews/content/e1624/e1625/e2390/e2403/index_th.html

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551


การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติมาใช้ในสำนักงาน

เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ ของสำนักงานอัตโนมัติแล้วเชื่อว่า ทุกคน อยากใช้แน่นอน เพราะเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้ ดีขึ้นอย่างมาก และเพิ่มความสะดวกสบายได้การจัดการด้านเอกสาร อื่นๆอีก แต่ก็ต้องมาวิเคราะห์กันอีกว่า คุ้มค่ากับการลงทุนหรือหรือไม่ การตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นผู้จัดการระบบดังนั้นก่อน จะสร้างระบบสำนักงานอัตโนมัติคงต้องเป็นหน้าที่ของบุคคลดังต่อไปนี้

1. ผู้ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทที่จำหน่าย ผลิตภัณฑ์สำนักงานอัตโนมัติ มักจะใช้บริการด้านการใชห้คำปรึกษาหรือเป็นผู้จัดตั้งระบบโดยไม่คิดค่าตอบแทน การพิจารณา จากผู้ขาย ควรเรียก จากหลายๆบริษัทมา เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบถึงข้อแตกต่าง ของแต่ละที่ แล้วตัดสินใจเลือก ที่ๆ ดีที่สุดคุ้มค่ามากที่สุด

2. ทีมงานเฉพาะกิจของบริษัท บริษัทที่ต้องการมีสำนักงานอัตโนมัติ อาจจัดตั้งทีมงานขึ้นมาเองเพื่อทำการวิจัยด้านนี้โดยเฉพาะและควรมีพนักงานที่มีความชำนาญด้านการจัดการข้อมูล เข้ามาร่วมด้วยเพราะมีความคุ้นเคยกับระบบจัดการ

3. ที่ปรึกษา บางบริษัทไม่มีพนักงานที่มีความชำนาญเพียงพอที่จะตั้งทีมงานขึ้นมาเองได้ก็จะต้องอาศัยที่ปรึกษาภายนอกบริษัท ซึ่งควรเป็นบุคคลหรือกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้านสำนักงานอัตโนมัติเป็นพิเศษ

4. ทีมงานเฉพาะกิจร่วมกับที่ปรึกษา เป็นการจับมือกันระหว่างบุคคลภายนอกและ ภายใน เพราะทีมงานในบริษัทย่อมรู้ซึ้งและให้ข้อมูลของบริษัทในขณะที่ที่ปรึกษา


ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนการเปลี่ยนแปลงระบบสำนักงานมีดังนี้

1.การจัดการด้านเอกสารภายในพิจารณาถึงข้อมูลในด้านต่างๆ เช่น ปริมาณงานที่พิมพ์มีมากน้อยเพียงใด และความยาวของเนื้อหา เวลาที่ใช้ในการพิมพ์เอกสาร เวลาที่ต้องการให้เอกสารเสร็จ ปริมาณเอกสารมีมากน้อยเพียงใด และ เอกสารที่ต้องทำสำเนามีมากหรือไม่ ปริมาณเอกสารที่ผิดพลาด และจะต้องถูกแก้ไข ระบบคุณภาพและความสวยงามของเอกสารที่พิมพ์

2.การวิเคราะห์ระบบสำนักงานทั้งระบบ เป็นการดูระบบสำนักงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันว่าเหมาะดีหรือยัง หรือควรจะแก้ไขจุดใด เพื่อให้ระบบการทำงานคล่องตัว




ระบบสำนักงานอัตโนมัติปัจจุบันสำนักงานจำนวนมากได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อให้งานบังเกิดผลในด้านบวก อาทิ ความสะดวกรวดเร็ว ความถูกต้อง และสามารถทำสำเนาได้เป็นจำนวนมาก เป็นต้น อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ เทเลเท็กซ์ เครื่องเขียนตามคำบอกอัตโนมัติ (Dictating Machines) เครื่องอ่านและบันทึกวัสดุย่อส่วน เครื่องถ่ายเอกสารแบบหน่วยความจำ เครื่องโทรสาร ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ นำไปประยุกต์ใช้กับ งานสำนักงาน ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในระบบสำนักงาน จึงเรียกว่า ระบบสำนักงานอัตโนมัติ ซึ่งเทคโนโลยีดังที่กล่าวมานำไปประยุกต์ใช้กับงานสำนักงานได้ในหลายลักษณะ เช่น งานจัดเตรียมเอกสาร งานกระจายเอกสาร งานจัดเก็บและค้นคืนเอกสาร งานจัดเตรียมสารสนเทศในลักษณะภาพ งานสื่อสารสนเทศด้วยเสียง งานสื่อสารสารสนเทศด้วยภาพและเสียง เป็นต้น
ที่มาhttp://surasit208.blogspot.com/2008/07/blog-post_08.html

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ความหมายและประโยชน์ของสำนักงานอัตดนมัติ

ความหมายของสำนักงานอัตโนมัติ (Automated office)
คืออะไร เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารอย่างไร ทำไมจึงต้องให้ความสนใจกับระบบสำนักงานอัตโนมัติ สำนักงานนี้จะไม่ใช้กระดาษเลยเป็นจริงได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้มักจะได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอในสำนักงานแห่งหนึ่ง ผู้จัดการฝ่ายขายต้องการรู้ข้อมูลการขายสินค้าแต่ละชนิดว่ามีแนวโน้มอย่างไรเพื่อวางแผนการขาย แผนกขายจะมีรายละเอียดความต้องการสินค้าของลูกค้า ยุทธวิธีการขาย และให้ข้อมูลการขายนี้ แก่ฝ่ายการผลิตเพื่อเตรียมการผลิตสินค้า พร้อมทั้งส่งต่อให้กับพนักงานขายแต่ละคน เพื่อศึกษา จากตัวอย่างนี้ จะเห็นว่า ผู้จัดการฝ่ายขายเกี่ยวข้องกับข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร ซึ่งถ้ามีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยประมวลผลและสื่อสารข้อมูลก็จะทำอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร ์และระบบสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจและเป็นสิ่งที่ทำให้สำนักงานเปลี่ยนเป็นสำนักงานอัตโนมัติมากขึ้นและเมื่อมีการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในแผนก และ หน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งมีการต่อเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์การในการดำเนินงานของแผนกและหน่วยงานขององค์การจะมีการแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลกันอยู่ตลอดเวลา เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงมีความสำคัญมากขึ้นในการดำเนินงานขององค์กร
ประโยชน์ของสำนักงานอัตโนมัติ
ระบบการทำงานในสำนักงานต่าง ๆ ที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือที่ใช้ในสำนักงานนั้นมักจะมีข้อจำกัดในการทำงานแทบทั้งสิ้น ในระบบสำนักงานอัตโนมัตินี้ก็เช่นกัน ก็มีข้อดีและ ข้อจำกัดการทำงานเช่นกัน ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้ข้อดี
1. สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการทำงานแบบเดิมที่ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้
2. ผู้จัดการสามารถตรวจสอบการทำงานของแผนกต่าง ๆ ได้โดยตรง
3. ทุกแผนกสามารถติดต่อกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้สะดวก
4. สามารถใช้อุปกรณ์สำนักงานร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
5. เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
ข้อจำกัดการทำงาน
1. ต้องใช้งบประมาณมากในตอนแรก แต่จะประหยัดในอนาคต
2. ต้องใช้บุคลากรที่สามารถใช้งานเตรื่องคอมพิวเตอร์ หรือต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์
3. ไม่สามารถใช้ระบบสำนักงานอัตโนมัตินี้ได้ ถ้าอยู่ในที่ชนบทไม่มีไฟ้าใช้
แหล่งที่มาhttp://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/pichai_l/it01/it_type_oas.htm